top of page
รูปภาพนักเขียนChayakorn Thun-in

เปรียบเทียบกล้องแต่ละตัวแตกต่างกันอย่างไร?

ระบบ Matterport เป็นระบบสร้าง Digital Twins แบบ Auto Generated โดยเป็นการทำงานร่วมกับกล้อง Matterport รุ่น Pro ที่ในปัจจุบันได้ออกมาถึงรุ่น Matterport Pro 3 แล้ว นอกจากกล้องที่กล่าวมาแล้วระบบ Matterport ยังรองรับกล้อง มือถือและกล้อง 360 รุ่นอื่นๆด้วยเช่นกัน


ในบทความนี้เราจะมาเปรียบเทียบกล้องแต่ละรุ่นแต่ละประเภทกันว่ามีความแต่ต่างอย่างไรบ้าง และเหมาะกับงานประเภทไหน โดยกล้องที่เราจะทำการเปรียบเทียบ มีดังต่อไปนี้


1.กล้องโทรศัพท์มือถือ (Axis)

2.กล้อง 360

3.กล้อง Matterport Pro 2

4.กล้อง Matterport Pro 3

5.กล้อง Leica BLK360



1.กล้องโทรศัพท์มือถือ (Axis)



เราสามารถเริ่มใช้ระบบ Matterport ได้จากกล้องมือถือผ่านแอปพลิเคชัน Matterport เมื่อกดสร้าง New Job แค่นี้สามารถใช้กล้องมือถือสแกนได้แล้ว วิธีการสแกนจะคล้ายกับการถ่ายภาพพาโนราม่าคือยืนหมุนสแกนรอบๆตัวเองให้ครบหนึ่งรอบต่อหนหนึ่งจุด Waypoint และใช้เวลาในการสแกนนานพอสมควร


ภาพที่ได้จะขึ้นอยู่กับกล้องมือถือรุ่นนั้นๆ ในบทความนี้เราได้ใช้ iPhone 12 pro Max  ในการสาธิตภาพที่ได้ออกมาสวยและดูดีประมาณหนึ่ง แต่เนื่องจากกล้องมือถือไม่ได้เป็นการสแกนเก็บ Point Cloud เหมือนกล้อง Matterport จึงทำให้โมเดลที่ออกมาไม่ได้ละเอียดมาก ซึ่งส่งผลต่อเครื่องมือการวัดระยะที่อาจจะทำให้ไม่แม่นยำเท่าที่ควร


นอกจากนี้ทาง Matterport ได้ผลิตตัว Matterport Axis ออกมาเป็นตัวช่วยให้การสแกนด้วยมือถือสะดวกมากขึ้น โดยตัว Axis จะค่อยหมุนสแกนอัตโนมัติจากการควมคุมด้วยรีโมทผ่านระบบ Bluetooth




2.กล้อง 360



ระบบ Matterport ไม่ได้รองรับแค่กล้อง Matterport เพียงอย่างเดียว แต่ยังรองรับกล้อง 360 บางรุ่นด้วย ซึ่งในปัจจุบันกล้องที่ระบบรองรับ คือ  Ricoh Theta SC2  , Insta360 One RS 1 , Insta360 X3 , Insta360 One RS , และ Ricoh Theta Z1


การใช้งานจะขึ้นอยู่กับกล้อง 360 แต่ละรุ่น โดยปกติแล้วก่อนที่จะเชื่อมต่อกล้องเข้ากับแอปพลิเคชัน Matterport ต้องทำการติดตั้งแอปพลิเคชันพื้นฐานของกล้องรุ่นนั้นๆเสียก่อน ตัวอย่างเช่น ถ้าเราใช้กล้อง Ricoh Theta SC2 ต้องติดตั้งแอปพลิเคชัน Ricoh Theta ลงในแทบเล็ตนั้นเอง สำหรับวิธีการสแกนเมื่อเชื่อมต่อกล้องเข้ากับแอปพลิเคชัน Matterport แล้ว สามารถสแกนได้เลยรอจนกว่าจะเสร็จโดยไม่ต้องรอให้กล้องหมุน เพราะเลนซ์กล้องเป็น 360 องศาอยู่แล้ว เมื่อสแกนเสร็จตัวกล้องจะมีเสียงเตือนขึ้นมาหรือสามารถดูสถานะหน้าจอแอปพลิเคชัน Matterport


ภาพ Virtual Tour ที่สแกนด้วยกล้อง 360 อยู่รเกณฑ์ที่ดีสวยงาม ส่วนโมเดลจะดีกว่ากล้องมือถืออยู่นิดหน่อย เพราะหลักการคล้ายกันคือเป็นการ Generated จากภาพที่เป็น Pixel ในการสร้างโมเดลสามมิติ ไม่ได้สแกนเป็น Point Cloud ที่จะทำให้โมเดลมีความละเอียดที่มากกว่า



Ricoh Theta SC2


Ricoh Theta V


Insta360 One X


Insta360 One R



3.กล้อง Matterport Pro 2



กล้องที่ทาง Matterport ผลิตเอง กล้องมีความละเอียดขที่ 134 megapixel พร้อมความสามารถถ่ายภาพแบบ HDR และใช้เทคโนโลยีอินฟาเรดในการสแกนทำให้สามารถสแกนเก็บ Point Cloud ที่มีความละเอียดเพื่อใช้ในการสร้างโมเดลสามมิติ เนื่องด้วยกล้อง Matterport Pro 2 ใช้เทคโนโลยีอินฟาเรดทำให้มีผลต่อการสแกนในพื้นที่ที่มีแดดจัด ดังนั้นกล้อง Matterport Pro2 จึงเหมาะสำหรับนำไปสแกนในพื้นที่ในร่มที่ต้องใช้ความแม่นยำ เช่น งานรีโนเวทบ้าน อาคาร หรือ คอนโด เครื่องมือวัดระยะในระบบ Matterport มีความแม่นยำอยู่ที่ 99%


ผลลัพธ์ที่ได้ ภาพมีความละเอียดและโมเดลออกมาสมบูรณ์ ทำให้เมื่อวัดระยะในระบบจะมีความแม่นยำสูง เพราะเป็นโมเดลที่ Generated จาก Point Cloud ที่กล้อง Matterport Pro2 สแกนได้ เวลาในการสแกนต่อจุดจะใช้เวลา 2 นาทีโดยประมาณ เนื่องจากต้องรอให้กล้องหมุนครบรอบเพื่อสแกนเก็บภาพของจุดนั้นๆ ซึ่งตรงส่วนนี้กล้อง 360 จะทำเวลาได้ดีกว่าและรัสมีที่สแกนต่อจุดอยู่ประมาณ 4-5 เมตร สำหรับกล้อง Matterport Pro 2 มีแบตเตอร์รี่ในตัว สามารถใช้งานต่อเนื่อง 8 ชม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง(ใช้เวลาชาท 4 ชม.





4.กล้อง Matterport Pro 3



เป็นกล้องรุ่นล่าสุดถัดจากกล้อง Matterport Pro 2 โดยความแตกต่างหลักๆ คือกล้องรุ่นนี้ได้เปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยีไลด้าร์ในการสแกนแทนอินฟาเรดที่ใช้ในกล้องรุ่นก่อนหน้า ทำให้แสงแดดไม่มีผลต่อการสแกนสำหรับกล้อง Matterport Pro 3  และความละเอียดของกล้องอยู่ที่ 134 megapixel เช่นเดียวกัน


ดีไซน์ได้มีการปรับเปลี่ยนใหม่ให้กระทัดรัดกมากขึ้นและได้ออกแบบแบตเตอร์รี่ให้เป็นแบบถอดเปลี่ยนได้ ทำให้สามารถสแกนได้ต่อเนื่องไม่ต้องพักชาร์จกล้องในกรณีที่มีแบตเตอร์รี่สำรอง ส่วนเวลาที่ให้ในการสแกนอยู่ที่ 20-30 วินาทีต่อจุดซึ่งไว้กว่ารุ่น Pro 2 อยุ่เท่าตัว และ Point cloud ที่สแกนได้ละเอียดมากกว่ากว่า 2 เท่า หรือประมาณ 10 เมตรต่อจุด Waypoint


Matterport Pro 3 สามารถนำไปใช้กับงานอื่นนอกจากการสร้าง Virtual Tour ได้ เช่น งานออกแบบ งานดีไซน์ งานกราฟฟิก งานโครงสร้างตึกอาคาร หรืองานที่ต้องการใช้ Point cloud เป็นตัวช่วยอย่างงาน BIM เนื่องจากระบบ Matterport มีบริการดาวโหลดไฟล์ Point Cloud E57 ออกมาได้และมีค่าบริการตามขนาดของพื้นที่ ทำให้ผู้ใช้สามารถนำไฟล์ Point Cloud ไปใช้งานที่ต้องการได้





4.กล้อง Leica BLK 360



กล้องที่ผลิตจาก Leica เป็นกล้องอีกรุ่นที่ระบบ Matterport รองรับ ปกติแล้วกล้องรุ่นนี้เป็นกล้องสแกนสามมิติเพื่อใช้ในงานสแกนเชิงโครงสร้างที่ต้องใช้ความแม่นยำสูง ทำให้การสแกนต่อจุดจะใช้เวลานานเป็นพิเศษโดยใช้เวลาสแกนต่อจุดนานถึง 10 นาที และกล้องรุ่นนี้ได้ใช้เทคโนโลยีไลด้าร์ทำให้สามารถสแกนในพื้นที่กลางแดดด้วยเช่นกัน


ภาพจากล้องอยู่ในระดับพอใช้เพราะกล้องไม่ได้ออกแบบมาเพื่อสร้าง Virtual Tour แต่จะได้เรื่องความละเอียดของ Point Cloud ที่ถือว่าเป็นจุดเด่นของกล้องรุ่นนี้ ส่วนจุดด้อยอีกจุดหนึ่งคือความร้อนที่ค่อนข้างจะร้อนง่ายกว่ารุ่นอื่นๆ



BLK360



สรุป

กล้องแต่ละตัวถูกออกแบบให้ใช้ในงานที่แตกต่างกัน ดังนั้นการเลือกใช้กล้องให้เหมาะสมกับประเภทของงานจะช่วยให้ผู้ใช้งานประหยัดค่าใช้จ่ายได้ดี ตัวอย่าง เลือกใช้กล้อง Matterport Pro 2 สำหรับงานที่ต้องการความละเอียดสูงและพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ภายในอาคาร เช่น บ้าน คอนโด ฯลฯ และเลือกใช้กล้อง Matterport Pro 3 สำหรับงานที่เป็นพื้นที่นอกอาคาร ถึงแม้ระบบ Matterport รองรับกล้องหลายรุ่นแต่ถ้างานของคุณเป็นงานที่ต้องการเป็นมืออาชีพควรเริ่มที่กล้องรุ่น Pro ขี้นไป


สำหรับท่านที่สนใจกล้อง Matterport สามารถนัดหมายเดโม่กล้องทดลองใช้งานก่อนตัดสินใจสั่งซื้อได้ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ข้อมูลด้านล่างได้เลยครับ

.

FB Inbox : m.me/vrtwins3d

Line OA : @vrtwins3d (มี@ด้านหน้า)



Комментарии


เริ่มต้น ฟรี

ลงชื่อสมัครใช้บัญชี Matterport ฟรี พร้อมพื้นที่ใช้งาน 1 รายการ ผู้ใช้ 1 ราย และสิทธิ์เข้าถึงชุดเครื่องมือมากมายกับเรา

บริการถ่ายภาพ 360

เรามี ผู้เชี่ยวชาญ พร้อมที่จะสแกนพื้นที่ ทุกที่ ทุกเวลา ให้กับคุณ เลือกใช้งานบริการถ่ายภาพ

กับเรา​

ติดต่อฝ่ายขาย

ไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นที่ไหน? ติดต่อทีมขายของเราและเราจะช่วยคุณค้นหาโซลูชันที่ดีที่สุดสำหรับความต้องการของคุณ

bottom of page